Open/Close Menu
เราคือผู้เชียวชาญด้านการศึกษาและทำงานที่ออสเตรเลีย
Home · Blog · SYDNEY : ตีแผ่ธุรกิจบ้านเช่าที่ซิดนีย์

หลังจากที่ผมได้อธิบายการหาบ้านเช่าเมื่อบทความที่แล้ว http://wp.me/p3so2M-bf คราวนี้เรามาพูดถึง การทำธุรกิจบ้านเช่ากันบ้าง ว่าเค้าทำอย่างไร

เหตุที่มีธุรกิจบ้านเช่าและบูมมากที่ซิดนีย์ ก็เนื่องด้วยเหตุที่ว่าบ้านเช่าที่นี้แพงมาก หากจะเช่าอยู่ส่วนตัว ยกตัวอย่างเช่น หากเรามาคนเดียว แล้วจะเช่าอยู่คนเดียวนั้น ห้อง 1 ห้องนอนส่วนใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ $450 / week  ซึ่งถือว่าแพงมาก และหากเป็นบ้านที่มี 2 ห้องนอน จะถูกกำหนดให้อยู่กันได้ไม่เกิน 4คน ซึ่งหากจะถามว่าในซิดนีย์นั้น ห้องที่อยู่กัน4คนแบบถูกกฎหมายนั้น ขอบอกว่านับจำนวนห้องได้ ส่วนที่อยู่เกิน 4 คนนั้น นับไม่ถ้วน เพราะไม่มีใครจะจ่ายไหว หรือทำงานมาทั้งสัปดาห์เพื่อจ่ายรายได้ครึ่งนึงเป็นค่าบ้านหรอกครับ  จึงได้มีคนคิดการทำธุรกิจบ้านเช่าขึ้นมา ธุรกิจนี้ก็เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ส่วนมากจะเริ่มต้นจากการที่เจ้าของบ้านอยากอยู่ถูก ก็เลยเช่าบ้านจากเอเจ้น แล้วก็แบ่งห้องนั่งเล่น หรือห้องนอนให้คนอื่นเช่า เจ้าของบ้านก็จะได้ประหยัดขึ้น ต่อมาก็มีการพัฒนาการเต็มรูปแบบ ก็คือเจ้าของบ้านก็จะเช่าบ้านจากเอเจ้น แล้วมาแบ่งซอยห้อง ประากศหาคนอื่นให้มาเช่า แล้วเก็บส่วนต่าง นั้นก็คือกำไร

พูดอย่างงี้ยังไม่เห็นภาพ ว่าเค้าทำอย่างไร เดี๋ยวมีภาพประกอบครับ

Image

จากรูป เป็นตึกยอดมหานิยมของคนไทยที่ทำบ้านเช่าครับ คือตึกฮาร์เบอร์การ์เด้นครับ อยู่แถวไชน่าทาว์

เห็นที่ผมขีดด้วยสีแดงหรือเปล่าครับ อันนั้นคือราคาห้อง $780 / WEEK ครับ หากอยู่ 4 คน ตามที่กำหนด ก็จะจ่าย $195 ต่อสัปดาห์ แต่อย่าพึ่งว่าจะจ่ายแค่นี้นะครับ เพราะว่าเรายังไม่รวมบิลต่างๆๆ เช่นค่าแก๊ส ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต และที่สำคัญ ห้องนี้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์นะครับ เป็นห้องเปล่าๆๆๆ

ซึ่งลำพังแค่จะเซ็นต์สัญญาบ้านเช่าก็ยากอยู่แล้ว เพราะเวลาจะยื่นเอกสารเช่าบ้านกับเอเจ้นไม่ใช่ว่าจะมีเราแค่คนเดียวที่ยื่นนะครับ แบบที่มีเกิน20คน เพราะฉะนั้นแล้วคนส่วนใหญ่ถึงไม่เช่าบ้านกับเอเจ้นโดยตรง เพราะไม่อยากจะเป็นภาระ เลยเลือกที่จะไปหาแชร์บ้านอยู่ดีกว่า  เลยเป็นช่องอาศัยที่เกิดเป็นธุรกิจบ้านเช่าขึ้นมาครับ  พูดซ่ะนอกเรื่องไปเยอะวกกลับเข้าเรื่องดีกว่า

หากผมจะทำธุรกิจบ้านเช่าหลังนี้ ผมจะทำแบบนี้ครับ หากจัดเป็นห้องแบบแบคแพจเกอร์ คือเอาเตียงสองชั้น ไปใส่ห้องหล่ะ 2 ตัว มี2 ห้อง  ก็เท่ากับเตียง 2 ชั้น 4 ตัว ก็จะมีคนนอนได้8คน คิดค่าเช่าคนหล่ะ

$145/คน/week  8คน ก็จะได้ 1160 และปล่อยที่เช่าที่จอดรถอีก$50/week รวมทั้งหมด $1210/week หักค่าบิลต่างๆๆพวกค่าไฟ ค่าแก๊ส อินเตอร์เน็ต $70/week สรุปกำไรหลังจากหักรายจ่ายทั้งหมดก็จะได้

$360/week อันนี้เป็นการคิดหยาบๆๆ โดยที่ยังไม่รวมค่าเช่าห้องนั่งเล่นในกรณีที่อัดคนเข้าไปอยู่ห้องนั่งเล่นด้วยนะครับ  เป็นอย่างไรบ้างครับว่า กำไรดีขนาดไหน

Image

กลัวเพื่อนๆๆจะนึกภาพไม่ออกว่าห้องเช่าที่ซิดนีย์เป็นอย่างไร อันนี้เป็นเตียงสองชั้นครับ ใส่สองเตียงต่อ1ห้อง ก็จะนอนได้4คนครับ

สรุปสาเหตุหลักๆที่ทำไมคนถึงไม่เช่าบ้านจากเอเจ้นเอง

 

  1. เพราะไม่อยากรับผิดชอบระยะยาว ไม่พอใจก็ย้ายออกหาใหม่ หากเช่ากับเอเจ้นบ้านต้องติดสํญญา 1 ปี
  2. เอกสารไม่ดีพอในการยื่นเอกสาร เพราะการยื่นเอกสารในการเช่าบ้าน เอเจ้นบ้านจะเลือกคนที่มีเอกสารที่ดีครับไม่ใช่ว่าจะเช่าได้ตามสะดวก
  3. กลัวที่หาคนมาแชร์บ้านไม่ได้ แทนที่จะอยู่ถูกกับกลายว่าจะต้องอยู่แพงแสนสาหัส

คราวนี้มาดูอุปสรรคในการทำบ้านเช่ากันบ้างว่ามีอะไรบ้าง

  1. เรื่องคีย์การ์ด สำหรับเข้าห้อง ตึกส่วนใหญ่ของซิดนีย์จะมีคีย์การ์ด ที่ไว้เปิดประตูหน้า และกดลิฟ ส่วนมากแล้วถ้า บ้านที่มี2ห้องนอนจะได้คีย์การ์ดแค่ 4ใบเท่านั้น ซึ่งหากอยู่เกิน ก็จะลำบากเรื่องในการเข้าออกตึก แต่เดี๋ยวนี้พี่ไทยเก่ง สามารถcopy คีย์การ์ด หรือไม่ก็ใช้โทรศัพย์พ่วงอินเตอร์คอม ไว้เปิดประตู ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ใช่ว่าจะทำได้ทุกตึก
  2. ปัญหา Budding Manger ที่ค่อยจับตาดู ว่าห้องไหนคนอยู่เกิน เพระาถ้าจับได้ก็จะโดนฟ้องเอเจ้นที่เราเช่าบ้าน และจะถูกอัญเชิญออกก่อนหมดสัญญาครับ
  3. เอเจ้นบ้าน อันนี้ส่วนใหญ่เอเจ้นบ้านจะมาตรวจประจำปีหล่ะ1ครั้ง ซึ่งเจ้าของบ้านจะปวดหัวเพราะต้องเก็บห้องและเอาเตียงออก จัดห้องให้ดูเหมือนอยู่กันแค่ 4 คน
  4. ปัญหาจากลูกบ้าน คือหาคนเช่าไม่เต็ม หากขาดเยอะก็เข้ากับว่าเข้าเนื้อเรา ก็ขาดทุนโดยปริยาย แถมหากมีลูกบ้านย้ายออกบ่อยๆๆ เราก็ต้องคอยหาคนเข้าบ้านใหม่ แบบว่าเหนื่อยมากสำหรับการหาลูกค้าเท่าบ้าน

อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องธุรกิจบ้านเช่า ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะครับ ซึ่งผมยังบรรยายไม่หมด หากเพื่อนๆอยากรู้สิ่งไหนก็ เขียนอีเมล์มาสอบถามได้ครับ ขอบคุณครับ

Write a comment:

Your email address will not be published.

Copyright © 2013