หลายกระแสที่มีข่าวคราว ว่าเอเจ้นหลอกนักเรียนไทยมาที่ออสเตรเลียนั้น ซึ่งผมเป็นส่วนหนึ่งเกี่ยวกับการทำงานด้านนี้ จะมาพูดเกี่ยวกับข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า เอเจ้นดีดีก็มีอีกเยอะ ที่ไม่ได้โดนแฉว่า เอเจ้นนักเรียนดีดีนั้น เค้าทำงานกันอย่างไร ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวนั้น 100% ของนักเรียนไทยที่มาปรึกษาและหาข้อมูลการศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลียนั้น 95% นั้น มีความต้องการจะมาทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย โดยอาศัยวีซ่านักเรียนเป็นใบเบิกทาง  ส่วนอีก 5% นั้น คือนักเรียนที่ต้องการมาเรียนจริงๆๆๆ ซึ่ง 5% นั้นเป็นส่วนที่ไม่ต้องเป็นห่วงเท่ากับ อีก 95% ที่เน้นมาทำงาน

หลักๆเลยที่นักเรียนไทยโดนหลอกนั้นจะมีดังนี้

• มีนายหน้า ที่คอยออกไปตามหมู่บ้าน ซึ่งจะมีสายคอยรายงานว่ามีใครอยากจะมาทำงานที่ออส หลักการทำงาน จะคล้ายๆๆ เอเจ้นส่งแรงงานไทยไปไต้หวัน หรือไปประเทศเกาหลีประมาณนั้นครับ
• จะมีเพื่อน หรือ ญาติ ที่เคยไปทำงานที่ออสแล้ว หรือว่ายังอยู่ที่ออสอยู่ ชักชวนไป  (จะมีเยอะมาก เพราะว่าได้ค่าคอมมิชั่นจากเอเจ้น หรือ จะเรียกเก็บค่าบริการแพงเกินจริง  เพื่อนกัน คนรู้จักกันเนี้ยตัวดีเลย )
• เอเจ้นนักเรียน ที่ไม่ได้สอบถาม ตรวจสอบประวัติเด็กนักเรียน และไม่ให้คำอธิบายและคำแนะนำในด้านการเรียน มีแต่เน้นให้จ่ายเงินอย่างเดียว   และรับทำแบงค์สเตนเมน วุฒิการศึกษาปลอม

ข่าวจากไทยรัฐ ที่นำเสนอเกี่ยวกับเอเจ้นเถื่อนที่หลอกคนมาซิดนีย์ แต่เอเจ้นเถื่อนหรือไม่เถื่อน ถ้ามีบริการทำแบงค์สเตนเมน ก็เข้าใจตรงกันนะ

ส่วนนักเรียนหรือคนไทยที่โดนหลอกมานั้น ส่วนใหญ่แล้ว จะไม่มีความรู้ในเรื่องวีซ่า และข้อมูลเกี่ยวกับการมาทำงานที่ออสเตรเลีย  เพราะส่วนใหญ่ที่ได้สอบถามข้อมูลมานั้น นักเรียนไทยส่วนใหญ่ จะไม่รู้ว่ามาเรียนที่ไหน หรือเรียนอะไร และบางคนนั้นก็เสียค่าบริการที่แพงมากอย่างเช่น เรียนภาษา บวกเรียนยู ยื่นวีซ่าแบบออนไลน์นั้นเสียค่าใช้จ่ายไปสี่ห้าแสน โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองเรียนอะไรที่ไหน เพราะนายหน้า หรือเพือ่นสนิท เป็นคนจัดการให้หมด หลายๆคนก็เชื่อใจเพื่อนหรือคนที่รู้จัก ให้จัดการเรือ่งให้ โดยหาได้รู้ไม่ว่า จ่ายค่าเรียนสุดแพง หากเราหาข้อมูลสักนิด ก็จะป้องกันการหลอกลวงค่าเรีนยนที่แพงเกินจริงได้      * เกี่ยวกับค่าเรียนและการป้องกันการจ่ายค่าเรียนแพงเกินจริงได้ที่นี้ 

สำหรับผู้ที่คิดจะมาทำงานที่ออสเตรเลีย โดยอาศัยวีซ่านักเรียนเป็นใบเบิกทางนั้น ท่านควรจะทราบข้อจำกัดในตัวของวีซ่าที่ท่านถืออยู่ก่อนนะครับ ว่าวีซ่านักเรียนนั้น สามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมงต่อสองสัปดาห์ และหากทำงานเกินว่าที่กำหนด ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ในหลักการปฎิบัตินั้น บอกไว้เลยว่านักเรียนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก จะมีวิธีการหลีกเลี่ยงได้ดังนี้ ก็คือพยายามจะทำงานที่เสียภาษีให้ไม่เกินสี่สิบชั่วโมงต่อสองสัปดาห์ และส่วนที่เกินนั้นก็จะเป็นการรับเงินสด และปกติแล้วงานร้านอาหารXX นั้นก็จะจ่ายเงินแบบเงินสดอยู่ได้ ท่านๆทั้งหลายไม่ต้องแปลกใจนะว่าทำไมค่าแรงถึงได้ถูก ไม่ใช่ถูกกฎหมาย แต่เป็นการกดค่าแรงแบบเต็มใจทั้งสองฝ่าย ก็คือ นายจ้างก็ดีใจที่จ่ายค่าแรงได้ถูกแสนถูก ส่วนนักเรียนไทยก็ดีใจหน้าบานเพราะได้ทำงานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากจะคิดว่ามันไม่แฟร์ หรือมันไม่ถูกต้อง จะไปประท้วง ก็ต้องคิดใหม่ เพราะว่า วันๆๆหนึ่งมีเด็กนักเรียนที่มาจากเมืองไทย เกินกว่าจำนวนตำแหน่งงานที่ว่าง หากเราไม่ทำ เจ้าของกิจการก็ไม่ง้อ เพราะว่ามีคนรอต่อคิวให้กดค่าแรงอีกเยอะ

หลักๆสำหรับการทำงานที่ออสเตรเลีย และวีซ่าอะไรที่ทำงานได้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ต้องอ่านตรงนี้เลย

วีซ่านักเรียนแบบไหนที่เหมาะสำหรับการมาทำงานที่ออสเตรเลีย

บทสรุป

• วีซ่านั้น ไม่ใช่สินค้า อย่าถามว่า วีซ่า 1 ปี เสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เพราะคุณกำลังเปิดช่องทางให้เอเจ้นฟันค่าหัว
• ควรศึกษาหาข้อมูลให้มากที่สุด อย่าไปเชื่อคนรู้จัก หรือเอเจ้นให้มาก เพราะหากคุณไม่หาข้อมูลเลย คุณก็จะเจ็บหนักครับ ผมเตือนไว้เ่ลย
• ถ้าคิดว่า การมาทำงานที่ออสแล้ว จะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำนั้น มันเป็นไปไม่ได้ทุกคนครับ เพราะขึ้นอยู่กับภาษา ดวง และโชคชะตาด้วย การจ่ายเงินเพื่อมาทำงานที่นี้เป็นความเสี่ยงครับ ไม่ประสบผลสำเร็จทุกคนครับ

ที่มาของคลิปวิดีโอ จากไทยรัฐ