11/07/2014
หลายๆ คน สงสัยว่า การยื่นวีซ่านักเรียนนั้นมีกี่ประเภท และวีซ่านักเรียนแบบไหนที่เหมาะกับการมาทำงานที่ออสเตรเลียมากที่สุด เรามาดูกันก่อนว่า วีซ่านักเรียนแบ่งเป็นกี่ประเภทบ้าง
เราจะแบ่ง Subclass ของวีซ่านักเรียนเป็น 3 ประเภทหลักๆ ที่นักเรียนไทยยื่นขอวีซ่าเป็นประจำ ส่วน Subclass อื่นไม่ต้องสนใจครับ แต่ถ้าอยากรู้ ก็ไปหาดูที่เวบนี้ครับ www.immi.gov.au
- 570 เป็นSubclass ที่มาเรียนภาษาครับ
- 572 เป็น Subclass ที่มาเรียนระดับ Dip ครับ
- 573 เป็น Subclass ที่มาเรียนระดับ High Education หรือ ระดับยู ครับ
หลังจากที่เรารู้เกี่ยวกับ Subclass แล้ว คราวนี้ เราก็จะมาดูว่า Subclass ตัวไหนที่เหมาะสมกับการทำงาน และเราเหมาะสมที่จะยื่นวีซ่าแบบไหน ระหว่างยื่นวีซ่าแบบปกติ หรือ ยื่นวีซ่าแบบออนไลน์
การยื่นวีซ่าแบบปกตินั้น จะยุ่งยากในเรื่องเอกสาร และเอกสารเกี่ยวกับแบงค์สเตทเมนท์ย้อนหลัง 6 เดือน ซึ่งจะเป็นข้อยุ่งยาก และนักเรียนไทยส่วนใหญ่จะมีปัญหาเกี่ยวกับหลักฐานการเงิน แต่จะมีข้อดีที่ว่า การยื่นวีซ่าแบบนี้จะประหยัดและหากวีซ่าหมดก็สามารถต่อวีซ่าได้เรื่อยๆ ในราคาถูกและประหยัดกว่า การยื่นแบบออนไลน์ หรือ Subclass 573 การยื่นวีซ่าแบบปกตินั้น เราจะต้องมีหลักฐานทางการเงินที่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ และแสดงบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนได้ หากเรามีสเตทเมนท์ มีเงิน 4 แสนบาท เราก็สามารถจะยื่นขอวีซ่าเรียนภาษาระยะเวลา 6 เดือน ได้ และหากไม่ติด 8534 เราก็สามารถยื่นต่อวีซ่าที่ประเทศออสเตรเลียได้เลย โดยไม่ต้องบินมาต่อวีซ่าที่ประเทศไทย ครับ หรือหากว่าเรามีสเตทเมนท์ มากกว่า 8 แสนบาทขึ้นไป ที่สามารถแจงที่มาของเงินได้ เราสามารถจะทำเรื่องเป็นแบบแพคเกจ คือ ภาษา + ดิฟโพลม่า ซึ่งจะเรียนภาษา 20-24 สัปดาห์ และบวก คอร์สดิฟโพลม่าอีก 2 ปี ก็จะได้วีซ่ายาว 2.6 ปี ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับตามคอร์สและโรงเรียนที่เรียน และหากไม่ติด 8534 แล้ว หลังจากที่เราเรียนจบ เราก็สามารถทำการลงเรียนต่อได้อีกที่ออสเตรเลีย โดยทั่วไปแล้วดิฟโพลม่า ในSubclass 572 นี้ ค่าใช้จ่ายจะถูกมาก ตกแล้วประมาณ $1100 -1500 ต่อ 3เดือน และจะเรียน 1-2 วันต่อ 1 สัปดาห์ ซึ่งเหมาะกับการทำงานมากที่สุด เพราะเป็นคอร์สที่ประหยัด และเวลาเรียนน้อย ครับ และหากมาเป็นคู่ หรือวีซ่าติดตามด้วยแล้ว ก็เท่ากับว่า ลดค่าใช้จ่ายค่าเรียนไปได้อีกครึ่งนึงครับ สรุปว่าหากไม่มีปัญหาเรื่องแบงค์สเตทเมนท์แล้ว วีซ่านักเรียน subclass 572 จะเหมาะกับการมาทำงานมากที่สุด เพราะราคาประหยัด เวลาเรียนน้อย และสามารถต่อวีซ่าได้ หากไม่ติด 8534
การยื่นวีซ่าแบบออนไลน์ Subclass 573 กำลังเป็นที่ฮิตและนิยมสำหรับเด็กไทยอยู่นะตอนนี้ เพราะด้วยเหตุที่ว่า ยื่นง่าย เอกสารน้อย และบางครั้งก็ไม่ต้องยื่นใช้แบงค์สเตทเมนท์ หรือหากอิมฯ สงสัยต้องการขอหลักฐานทางการเงิน ก็ยื่นแบงค์การันตี โดยไม่ต้องแจงที่มาของเงิน หรือใช้สเตทเมนท์ย้อนหลัง 6 เดือน แต่อะไรมาง่ายๆ ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วย เพราะการยื่นวีซ่าแบบออนไลน์นั้น จะเป็น Subclass 573 ค่าเรียนนั้นจะแพงกว่า Subclass 572 หลักการส่วนใหญ่แล้ว จะทำการยื่นโดย ภาษา + High Dip หรือ ภาษา + ป.ตรี โดยสถาบันส่วนมากจะให้จ่ายค่าเรียนภาษาเป็นจำนวนเต็มและมัดจำระดับ ป.ตรี ซึ่งค่ามัดจำนี้ จะแตกต่างขึ้นอยู่กับสถาบัน โดยความเห็นส่วนตัวแล้วผมถือว่าเป็นเงินกินเปล่า เพราะหากเรายื่นภาษา + ดิฟ ของ subclass 572 โดยการยื่นวีซ่าแบบปกตินั้น ค่าใช้จ่ายคือจ่ายเต็มสำหรับค่าเรียนและมัดจำ 1 เทอมของดิฟ เมื่อเราเรียนภาษาจบแล้ว ก็สามารถเรียนเทอมแรกของ ดิฟโพลม่าได้เลย แต่หากเรายื่นวีซ่าออนไลน์ ภาษา + ป.ตรี หรือ ภาษา + high dip นั้น ค่าเรียนต่อเทอมจะแพงมาก จะอยู่ระดับราคา $4000-7500 ขึ้นอยู่กับสถานบัน ซึ่งราคาค่าเรียนนั้นจะแพงกว่า ดิฟโพลม่า Subclass 572 มากกว่า 300% หรือสามเท่าครับ และทำไมผมถึงว่าเป็นเงินกินเปล่าหรือเสียทิ้ง ผมจะอธิบายให้ฟังครับ เงินมัดจำของ ป.ตรี หรือ high Dip ของ Subclass 573 นั้น สามารถนำมาใช้ได้ก็ต่อเมื่อเราเรียนจบภาษาแล้ว มาเรียนต่อ ป.ตรี หรือ High Dip ที่เราได้ทำการลงเรียนแพคเกจไว้ตั้งแต่แรก หากความตั้งใจเน้นที่จะมาเรียนนั้นและเราเรียนจริงก็ไม่มีปัญหาครับ แต่หากความตั้งใจเรามาทำงานนั้น การที่เรียนต่อระดับยูหรือ High Dip นั้น ค่าเทอมก็แพงมาก ก็ไม่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่จะมาทำงาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ เด็กไทยที่มีวัตถุประสงค์มาออสเพื่อเน้นมาทำงานโดยที่ยื่นวีซ่าแบบออนไลน์ 573 นั้นก็เพราะว่าจะเลี่ยงการยื่นแบงค์สเตทเมนท์ หรือไม่มีสเตทเมนท์ย้อนหลัง 6 เดือน หรือหากอิมฯ ต้องการเอกสารด้านการเงิน ก็จะหายืมเงินหรือ กู้เงินแล้วมาเดินบัญชีเพื่อขอแบงค์การันตี เมื่อวีซ่าผ่านแล้วนั้น ก็จะเรียนภาษาจนจบคอร์สที่ลงเรียนไว้ และจะทำการเปลี่ยนคอร์ส High dip หรือ ป.ตรี มาเป็นดิฟโพลม่า ธรรมดา 2 ปี เพราะค่าเรียนจะถูกเหมือนกับ ดิฟโพลม่า subclass 572 ครับ แต่จะเรียนได้แค่ 1 หลักสูตรเท่านั้น ไม่สามารถต่อ ดิฟโพลม่า หลักสูตรอื่นได้อีก เพราะจะต้องกลับไปเรียน หลักสูตรหลัก ที่ยื่นขอวีซ่าแบบออนไลน์จนจบครับ ไม่สามารถเปลี่ยนมาเรียนดิฟโพลม่า subclass 572 หากวีซ่าที่ยื่นออนไลน์นั้นติด 8516 แต่หากวีซ่าไม่ติด 8516 นั้นการที่จะเปลี่ยน คอร์ส จาก subclass 573 มา 572 นั้น จะต้องเรียนคอร์สหลัก คือ ยู หรือ High dip ที่ลงเรียนเป็นแพคเกจจากเมืองไทย ให้ได้อย่างน้อย 6 เดือน ถึงจะเปลี่ยนคอร์สใหม่ได้ ซึ่งเท่ากับว่า เราจะต้องเสียเงินค่าเรียนไปถึง 2 เทอม จนกว่าจะเปลี่ยนคอร์สได้ ซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายในการเรียนเยอะมากกว่าจะทำเรื่องเปลี่ยนคอร์สได้ และการยื่นเปลี่ยน 573 มา 572 นั้นก็เท่ากับว่าเราจะต้องทำการยื่นวีซ่าใหม่หมด ต้องเสียค่าธรรมเนียมวีซ่า และยื่นเอกสารใหม่เหมือนครั้งที่ยื่นวีซ่าจากเมืองไทยครับ
#เพิ่มเติม สำหรับ ผู้ที่ยื่นออนไลน์ 573 นั้นหากติด 8516 นั้น ไม่สามารถจะเปลี่ยนมาเป็น 572 ได้ ซึ่งเมื่อเราเรียนจบภาษาแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนมาลงเรียนดิฟโพลม่า ธรรมดาได้ 1 คอร์ส โดยที่ เมนหลักนั้นยังเป็นคอร์สระดับ Higher Education อยู่ ซึ่งหมายความว่า พอเราจบดิฟธรรมดาแล้วก็ต้องกลับไปเรียน คอร์สหลักที่เราลงมา โดยไม่สามารถเรียนดิฟโพลม่าธรรมดา หรือย้ายไป 572 ได้ ทางออกก็จะมีอยู่ 3 ทาง สำหรับผู้ที่มีวัตถุประสงค์ต้องการมาทำงานแต่มาด้วยการยื่นวีซ่าออนไลน์ 573 คือ 1. ต้องทนจ่ายค่าเรียนที่แพงต่อไปจนจบคอร์สและก็ต้องเรียนต่อระดับเดียวกันที่ค่าเรียนแพงต่อไป ไม่มีทางเลือก 2.กลับไทย 3. โดดวีซ่า
REF : http://www.immi.gov.au/Study/Pages/changing-courses.aspx หัวข้อ Moving from a university to a vocational education course
##เล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับการยื่นวีซ่าแบบปกติ และแบบธรรมดา
- การยื่นวีซ่าแบบปกติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีสเตทเมนท์และสามารถแจงที่มาของเงินได้ สี่แสน สำหรับ วีซ่า 6 เดือน แปดแสนขึ้นไป สำหรับวีซ่า 1 ปีขึ้นไป
- การยื่นวีซ่าแบบออนไลน์ เอกสารน้อย บางเคสไม่ต้องใช่แบงค์สเตทเมนท์ วีซ่าผ่านง่าย แต่ค่าใช้จ่ายสูง เปลี่ยนมาต่อเป็นดิฟหลายครั้งไม่ได้ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะมาทำงาน เหมาะสำหรับผู้ที่มาเน้นเรียนระดับมหาวิทยาลัย
- การยื่นวีซ่าแบบปกติ 570 /572 เหมาะสำหรับการมาทำงานด้วยวีซ่านักเรียนมากที่สุดเพราะสามารถต่อวีซ่าได้หากไม่ติด 8534 ส่วนการยื่นออนไลน์ 573 เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเรียนระดับ มหาวิทยาลัย
- อายุ หลักฐานการเงินสำหรับผู้สนับสนุน ประวัติการทำงาน มีผลต่อการขอวีซ่า
- การจ้างทำแบงค์สเตทเมนท์ หรือปลอมหลักฐานการศึกษาและเอกสารอื่นๆนั้น หากทางสถานฑูตปฎิเสธการให้วีซ่าด้วยเหตุผลการปลอมแปลงเอกสารนั้น บางสถาบันจะไม่ทำการคืนเงินค่าเรียนนะครับ
- ข้อมูลทั้งหมดนี้ เขียนมาจากความรู้สึกนึกคิดของผมทั้งหมด ไม่สามารถอ้างอิง หรือพาดพิงถึงบุคคลอื่นได้ หากมีข้อผิดพลาด สามารถชี้แนะผมได้ครับ